Sofyan Amrabat หนึ่งในนักเตะที่ได้รับคำเชิญให้มาเข้าร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในโค้งสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ หลังจากที่เจ้าตัวเนื้อหอมสุด ๆ จนสุดท้ายก็เป็นทีม ปีศาจแดง สามารถปิดดีลไปได้สำเร็จ ซึ่งความน่าสนใจของแข้งรายนี้จะเป็นอย่างไร วันนี้เราจะพาไปชมกัน
Sofyan Amrabat ผู้มีพี่ชายเป็นแบบอย่าง
โซฟียาน อัมราบัต เป็นน้องชายของ นอร์ดิน อัมราบัต อดีตนักเตะกองหน้าผู้เคยรับใช้ทีม วัตฟอร์ต ช่วงปี 2016-18 โดยเขาทั้งสองมีอายุห่างกันมากถึง 9 ปี ซึ่งพี่ชายคนนี้เอง คือผู้ที่เป็นแบบอย่างและคอยผลักดันให้ โซฟียาน ดำเนินรอยตามได้อย่างมีแบบแผน เพราะคนน้อง ก็มีความต้องการที่อยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพตั้งแต่เด็กด้วยเหมือนกัน ดังนั้นคนน้องจึงติดตามเฝ้ามองคนพี่แบบติด ๆ ถึง อคาเดมี เพื่อศึกษาแนวทางและชวนพี่มาขัดเกลาทักษะให้เมื่อมีเวลามาเล่นบอลด้วยกันในสนามใกล้บ้าน
และเมื่อถึงเวลาที่ อัมราบัต ต้องก้าวเข้าสู่รั้วอะคาเดมีของตนเอง จากคำแนะนำและประสบการณ์ที่พี่ชายได้ถ่ายทอดให้ นั่นทำให้เขาตัดสินใจเลือกสโมสร อูเทร็คท์ ซึ่งเป็นทีมระดับกลางที่มีความเข้มข้นน้อยหากเทียบกับทีมใหญ่ จึงทำให้เซฟร่างกายและมีโอกาสไต่เต้าฉายแสงได้ง่ายกว่า จนกระทั่งเข้าสู่วัย 17 ปี เจ้าตัวก็ได้รับโอกาสให้ลงไปทำผลงานครั้งแรกในเกมลีกฤดูกาล 2014-15 ส่วนผู้จัดการทีมในเวลานั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือ เอริก เทน ฮาก นั่นเอง
จากการทำผลงานได้เข้าตา เทน ฮาก ก็ได้ส่งรายชื่อเขาบรรจุสู่ตำแหน่งผู้เล่น 11 ตัวจริงในฤดูกาลต่อมาโดยประจำตำแหน่งกองกลาง แต่ทั้งนี้เขาก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการเล่นของทีมในสไตล์เน้นเกมรุก และต้องพยายามขึ้นหน้า เพื่อใช้เทคนิคการตัดบอล รวมถึงการสร้างโอกาสทำประตูให้กับทีมด้วย
เมื่อรับใช้สโมสรไปได้ซักพัก อัมราบัต ก็เริ่มก้าวเข้าสู่วงการค้าแข้งอย่างเต็มตัว ด้วยการย้ายออกไปหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ปี 2017 ย้ายไป เฟเยนูร์ด ปี 2018 ย้ายไป คลับ บรูกก์ ปี 2019 ถูก เวโรน่า ยืมตัว ทุกทีมที่เขาย้ายไปนั้นก็ไม่ได้เป็นทีมระดับชั้นนำแต่อย่างใด ก่อนจะไปอยู่ทีมที่มีชื่อดังของ กัลโช่ เซเรียอา อย่าง ฟิออเรนติน่า แต่การค้าแข้งกับทีมม่วงมหากาฬไม่ได้เป็นอย่างที่คิด อัมราบัต ไม่ค่อยได้รับโอกาสมากเท่าที่ควร จึงไม่ได้โชว์ฝีเท้าได้อย่างเต็มที่
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ได้รับการจับตามอง
การถูกเรียกตัวไปรับใช้ ทีมชาติโมร็อกโก ในรายการฟุตบอลโลก 2022 คือจุดเปลี่ยนสำคัญของมิดฟิลด์ส่อแววตกอับรายนี้ ให้ก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่นหลังจากหมกตัวอยู่ในเก้าอี้สำรองเกมลีกมานาน โดย อัมราบัต ได้นำเอาความสามารถกองกลางตัวรับที่ถนัด มาปัดสนิมและทำงานร่วมกับ อาซเซดีน โอนาฮี และ โซฟียาน บูฟาล จนกลายเป็น 3 ประสานที่แข็งแกร่ง พร้อมพาทีมชาติจบอันดับ 4 ไปได้อย่างสวยงาม
แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ โมร็อกโก สามารถคว้าชัยชนะจาก สเปน, โปรตุเกส และ เบลเยี่ยม ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แถม โซฟียาน ก็ยังโชว์ฟอร์มจัดการกับดาวเตะฝ่ายตรงข้ามไม่ว่าจะ กอนซาโล รามอส, มาร์โก อเซนซิโอ หรือแม้แต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็โดนเล่นซะอยู่หมัด
และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมยอดทีมใน พรีเมียร์ลีก อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงต้องการดึง โซฟียาน มาร่วมทีมให้ได้ ซึ่งอาจรวมถึงการที่ เขาเคยร่วมงานกับ เทน ฮาก มาก่อนด้วยตอนอยู่ อูเทร็คท์ แต่อย่างไรก็ตาม ดีลในครั้งนี้ยังคงเป็นสัญญาแบบยืมตัวเท่านั้น โดยถ้าหากเขาทำผลงานได้ไม่น่าพอใจเท่าไหร่ ก็คงไม่รับโอกาสในการซื้อขาดเป็นแน่